วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

Gouldian Finch ฟินซ์ 7สี


มี ถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลีย ทางตอนเหนือของทวีป เป็นนกพื้นเมือง หากินในทุ่งหญ้า สภาพอากาศร้อน ในตอนกลางวัน อุณหภูมิระหว่าง 15 – 40 องศาเซนเซียส อยู่รวมกันเป็นฝูง ต่อมาได้แพร่หลายไปในทวีปยุโรป และกระจายไปทั่วโลก อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสีสัน ความสวยงาม ที่โดดเด่นในตัวเอง

การแยกเพศลูกนกที่ยังไม่เปลี่ยนสีขน หรือนกที่มีอายุ ประมาณ 2 – 3 เดือนนั้น สามารถสังเกตุได้ที่สรีระ เพศผู้รูปร่างจะเรียวยาว และเริ่มโก่งคอผิวปากเป็นจังหวะ ส่วนเพศเมียนั้นรูปร่างจะออกไปทางป้อมๆและตัวเมียจะไม่แสดงอาการโก่งคอผิว ปาก ส่วนนกที่มีอายุมากตั้งแต่ 6 – 7 เดือนก็สามารถดูเพศได้ง่ายขึ้นจากสีขน เพศผู้จะมีสีขนที่มีสีสรรเข้มกว่าเพศเมีย

ข้อแนะนำในการเริ่มเลี้ยงนกฟินซ์


ที่ สำคัญคือจะต้องมีการป้องกันลมโกรก รวมทั้งมีที่ให้นกหลบละอองน้ำฝนด้วยข้อแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยให้การเพาะ เลี้ยงนกฟินซ์เจ็ดสีประสพความสำเร็จได้มากขึ้น
1.หากเป็นไปได้ ให้เลือกซื้อหานกที่เพาะจากฟาร์ม หรือ แหล่งเพาะขยายพันธุ์ ที่ใช้กรงเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้นกที่มีความแข็งแรงมากกว่า และควรเป็นนกที่พ่อแม่นกเจ็ดสีเป็นผู้เพาะฟักและเลี้ยงดูลูกนกเอง แทนที่จะใช้นกกะทิญี่ปุ่นช่วยเพาะเลี้ยง เพื่อว่าลูกนกที่ได้จะมีสัญชาติญาณที่ดีกว่าในการเลี้ยงดูลูกนกในรุ่นต่อๆไป
2.ถึงแม้ถิ่นฐานดั้งเดิมของนกชนิดนี้จะอยู่ในเขตที่ค่อนข้างจะร้อน ชื้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลี้ยงดูนกชนิดนี้ในสถานที่ที่ต้องควบคุมความ ชื้นและอุณหภูมิเสมอไป เพราะอุณหภูมิในธรรมชาติก็มีขึ้นมีลงเหมือนกัน ในต่างประเทศ ผู้เพาะเลี้ยงหลายรายเล่าว่าได้เลี้ยงนกในกรงขนาดใหญ่นอกตัวบ้าน นกสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำถึง ลบ 9 และ สูงสุดถึง 41 องศาเซลเซียส ที่สำคัญคือจะต้องมีการป้องกันลมโกรก รวมทั้งมีที่ให้นกหลบละอองน้ำฝนด้วย
3.ขนาด ของกรง ข้อนี้สำคัญมาก ถึงแม้จะสามารถเลี้ยงและขยายพันธุ์ในกรงขนาดเล็กที่เรียกกันว่า กรงหมอนได้ แต่ถ้าหากหวังผลในการเพาะเลี้ยงอย่างจริงจังและยั่งยืนควรเลี้ยงในกรงที่มี ขนาดใหญ่จะดีกว่ามาก ขนาดกว้าง 0.60 ยาว 1.80 สูง 1.80 เมตร สำหรับนกหนึ่งคู่ หรือ ขนาดกว้าง 1.20 ยาว 3.60 สูง 1.80 เมตร สำหรับนก 3 – 4 คู่
4.ควร จัดการให้นกใหม่ ได้มีการปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในกรงใหม่อย่างระมัดระวัง ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือในฤดูร้อน หากมีความจำเป็นต้องปล่อยนกเข้ากรงในฤดูฝน หรือ ฤดูหนาว ควรเพิ่มวัสดุป้องกันลมและฝนให้มากกว่าปกติในช่วงแรกๆ
5.นกชนิด อื่นๆสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปยังส่วนต่างๆของโลก แต่สำหรับนกฟิ้นซ์เจ็ดสีแล้วจะยากกว่ามาก ถึงแม้จะเกิดในกรงมาเป็นสิบรุ่นแล้วก็ตาม เมื่อถึงฤดูหนาวในประเทศที่อยู่ทางซีกโลกเหนือ ก็เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในประเทศทางซีกโลกใต้ เป็นช่วงเวลาที่นกจะเริ่มผสมพันธุ์กัน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม เรื่อยไปจนถึงเดือน เมษายน สำหรับบ้านเราฤดูหนาวอากาศไม่หนาวเย็นมากนัก ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ จะมีก็แถวช่วงเดือนมีนา เมษา ซึ่งอากาศค่อนข้างจะร้อน
6.เมื่อนกตัวเมียเข้าสู่สภาพที่พร้อมที่ จะผสมพันธุ์และวางไข่ จะสังเกตุได้จากสีของจงอยปากที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จากสีขาวนวลๆไปเป็นสีออกน้ำตาลเทาๆ
7.หากมีนกมากกว่าหนึ่งคู่ การปล่อยให้นกจับคู่หรือเลือกคู่กันเองจะมีผลดีต่อการเพาะเลี้ยงมากกว่าทำ ได้โดยใส่ห่วงขาหรือทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวนก แล้วปล่อยนกตัวเมียหนึ่งตัวและตัวผู้ 3 – 4 ตัวเข้าไปในกรง นกตัวเมียจะยอมให้นกตัวผู้ที่เลือกแล้วเพียงตัวเดียวให้เข้าใกล้เพื่อกระโดด ขึ้นๆลงๆและร้องเพลงเพื่อเกี้ยวพาราสีกัน และจะจิกหรือบินหนีจากตัวผู้อื่นๆ การจับคู่หรือเลือกคู่นี้อาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งวันไปจนถึงประมาณสิบวัน จากนั้นให้แยกนกตัวผู้ตัวอื่นๆออกไปเพื่อให้นกตัวเมียตัวอื่นได้เลือกต่อไป


การผสมพันธุ์

       

        นก เจ็ดสีสามารถที่จะผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่ อายุ 8 เดือน แต่การให้ผลผลิตอาจไม่สำเร็จเท่าที่ควรเพราะยังเป็นนกหนุ่มสาว ไข่อาจมีเชื้อไม่ครบทุกฟอง จำนวนไข่ต่อครอกไม่มาก การกกไข่ไม่สม่ำเสมอ แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายพร้อมมากกว่านี้ การให้ผลผลิตก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ก็ไม่แน่นอนบางคู่อาจให้ผลผลิตดีตั้งแต่หนุ่มสาวก็ได้ นกที่โตพร้อมผสมสังเกตุได้ว่าขนจะมันเงา สีสันสดใส ปลายปากจะมีสีเข้ม
การ เข้าคู่หากทั้งคู่ไม่เข้ากันเมื่อนำนกทั้งคู่แยกเข้ากรงผสม จะสังเกตุได้ว่านกทั้งคู่จะจิกกัน ไม่ยืนใกล้กัน จะเกาะคอนคนละมุมเลยก็ว่าได้ ส่วนนกที่เข้ากันนั้นตัวผู้จะโก่งคอร้องจีบ กระโดดไปมา ข้างๆตัวเมีย ถ้าตัวเมียยอมรับก็จะยืนเชิดอกให้ ไม่จิกไล่ตัวผู้ จากนั้นทั้งคู่จะเริ่มสนใจกล่องไข่ จะมีอาการชะโงกหัวมองทางเข้ากล่องไข่มากขึ้น จากนั้นตัวผู้จะเริ่มเข้าไปจัดรังเพื่อเตรียมให้ตัวเมียวางไข่


         เมื่อ เราสังเกตว่าตัวผู้เริ่มหายเข้ารังเป็นเวลานานขอให้สันนิษฐานได้เลยว่าตัว เมียเริ่มวางไข่แล้ว แต่ระยะช่วงแรกนี้การกกไข่จะกกเฉพาะช่วงเช้า พอถึงช่วงเย็นอาทิตย์ตกดิน นกจะออกจากกล่องไข่ ไปจนกว่านกตัวเมียจะวางไข่จนหมด เมื่อนั้นนกถึงจะกกไข่ ทั้งวัน ทั้งคืน ในการวางไข่แต่ละครอกนั้น ตัวเมียจะวางไข่ประมาณ 4 – 8 ใบ ต่อครอก แต่ส่วนใหญ่จะเห็น 6 ใบซะส่วนมากและการวางไข่จะวางทุกวันวันละใบจนครบ สำหรับระยะเวลาในการกกไข่ให้นับตั้งแต่ นกเริ่มกกไข่ ทั้งกลางวัน และกลางคืน ไปประมาณ 14 – 15 วัน นกก็จะเริ่มฟักเป็นตัวการฟักเป็นตัวก็จะฟักเป็นชุดๆ อาจจะฟักวันละตัวบ้าง วันละ2 ตัวบ้าง ( ลูกนกแรกเกิดนั้นจะมีตุ่มเรืองแสงติดอยู่ที่บริเวณมุมปาก เนื่องจากธรรมชาตินกเจ็ดสีจะทำรังในโพรงมืด ปุ่มเรืองแสงนี้เองจะช่วยให้พ่อแม่นก สามารถนำอาหารมาป้อนให้ลูกนกได้ถูก ซึ่งเมื่อนกอายุได้ประมาณ 60 วัน ปุ่มนี้ก็จะหายไปเอง )หลังจากลูกนกฟักเป็นตัว พ่อแม่ จะนำอาหารไปเลี้ยงลูกจนโต ประมาณ 20 – 25 วัน ลูกนกก็จะลงรัง แต่ยังไม่ควรแยกลูกนกออกจากกรง ควรจะให้พ่อแม่นก ป้อนอาหาร ต่อไปจนเห็นว่าลูกนกสามารถกินเองได้ เลิกขออาหารจากพ่อแม่แล้ว จึงแยกลูกนกออก

อาหารนกฟินซ์ 7 สี


อาหาร ของนกเจ็ดสี ส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดพืชขนาดเล็กมีหลายชนิด เช่น มิลเล็ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่างแดง ดำ เป็นต้น อาหารที่ชอบมากของฟินช์เจ็ดสีก็คือ มิลเล็ตสเปรย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นช่อยาว ผู้เลี้ยงควรนำไปแขวนไว้ภายในกรง เพื่อให้นกได้แทะกินอยู่เสมอ อัตราส่วนของอาหารที่จะผสมให้กับนกกินควรประกอบไปด้วย มิลเล็ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่างแดง ดำ ไนเจอร์(ให้โปรตีน) ผสมในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 : 0.50
นอก จากอาหารหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อาหารเสริมก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนกเจ็ดสี เพราะนกที่เราเลี้ยงไม่สามารถหากินเองได้เหมือนนกที่อยู่ตามธรรมชาติ เช่น กระดองปลาหมึก เปลือกไข่ ดินดำ อาหารไข่ ข้าวโพดปาดผิว ผักกาดหอม เป็นต้น น้ำดื่ม ควรเปลี่ยนให้นกทุกวัน