วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557
Gouldian Finch ฟินซ์ 7สี
มี ถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลีย ทางตอนเหนือของทวีป เป็นนกพื้นเมือง หากินในทุ่งหญ้า สภาพอากาศร้อน ในตอนกลางวัน อุณหภูมิระหว่าง 15 – 40 องศาเซนเซียส อยู่รวมกันเป็นฝูง ต่อมาได้แพร่หลายไปในทวีปยุโรป และกระจายไปทั่วโลก อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสีสัน ความสวยงาม ที่โดดเด่นในตัวเอง
การแยกเพศลูกนกที่ยังไม่เปลี่ยนสีขน
หรือนกที่มีอายุ ประมาณ 2 – 3 เดือนนั้น
สามารถสังเกตุได้ที่สรีระ เพศผู้รูปร่างจะเรียวยาว และเริ่มโก่งคอผิวปากเป็นจังหวะ
ส่วนเพศเมียนั้นรูปร่างจะออกไปทางป้อมๆและตัวเมียจะไม่แสดงอาการโก่งคอผิว ปาก ส่วนนกที่มีอายุมากตั้งแต่
6 – 7 เดือนก็สามารถดูเพศได้ง่ายขึ้นจากสีขน
เพศผู้จะมีสีขนที่มีสีสรรเข้มกว่าเพศเมีย
ข้อแนะนำในการเริ่มเลี้ยงนกฟินซ์
ที่ สำคัญคือจะต้องมีการป้องกันลมโกรก รวมทั้งมีที่ให้นกหลบละอองน้ำฝนด้วยข้อแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยให้การเพาะ เลี้ยงนกฟินซ์เจ็ดสีประสพความสำเร็จได้มากขึ้น
1.หากเป็นไปได้
ให้เลือกซื้อหานกที่เพาะจากฟาร์ม หรือ แหล่งเพาะขยายพันธุ์
ที่ใช้กรงเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้นกที่มีความแข็งแรงมากกว่า
และควรเป็นนกที่พ่อแม่นกเจ็ดสีเป็นผู้เพาะฟักและเลี้ยงดูลูกนกเอง
แทนที่จะใช้นกกะทิญี่ปุ่นช่วยเพาะเลี้ยง
เพื่อว่าลูกนกที่ได้จะมีสัญชาติญาณที่ดีกว่าในการเลี้ยงดูลูกนกในรุ่นต่อๆไป
2.ถึงแม้ถิ่นฐานดั้งเดิมของนกชนิดนี้จะอยู่ในเขตที่ค่อนข้างจะร้อน
ชื้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลี้ยงดูนกชนิดนี้ในสถานที่ที่ต้องควบคุมความ
ชื้นและอุณหภูมิเสมอไป เพราะอุณหภูมิในธรรมชาติก็มีขึ้นมีลงเหมือนกัน ในต่างประเทศ
ผู้เพาะเลี้ยงหลายรายเล่าว่าได้เลี้ยงนกในกรงขนาดใหญ่นอกตัวบ้าน
นกสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำถึง ลบ 9 และ สูงสุดถึง 41
องศาเซลเซียส ที่สำคัญคือจะต้องมีการป้องกันลมโกรก
รวมทั้งมีที่ให้นกหลบละอองน้ำฝนด้วย
3.ขนาด ของกรง
ข้อนี้สำคัญมาก ถึงแม้จะสามารถเลี้ยงและขยายพันธุ์ในกรงขนาดเล็กที่เรียกกันว่า “กรงหมอน”ได้
แต่ถ้าหากหวังผลในการเพาะเลี้ยงอย่างจริงจังและยั่งยืนควรเลี้ยงในกรงที่มี
ขนาดใหญ่จะดีกว่ามาก ขนาดกว้าง 0.60 ยาว 1.80 สูง 1.80 เมตร สำหรับนกหนึ่งคู่ หรือ ขนาดกว้าง 1.20
ยาว 3.60 สูง 1.80 เมตร
สำหรับนก 3 – 4 คู่
4.ควร จัดการให้นกใหม่
ได้มีการปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในกรงใหม่อย่างระมัดระวัง
ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือในฤดูร้อน
หากมีความจำเป็นต้องปล่อยนกเข้ากรงในฤดูฝน หรือ ฤดูหนาว
ควรเพิ่มวัสดุป้องกันลมและฝนให้มากกว่าปกติในช่วงแรกๆ
5.นกชนิด
อื่นๆสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปยังส่วนต่างๆของโลก
แต่สำหรับนกฟิ้นซ์เจ็ดสีแล้วจะยากกว่ามาก ถึงแม้จะเกิดในกรงมาเป็นสิบรุ่นแล้วก็ตาม
เมื่อถึงฤดูหนาวในประเทศที่อยู่ทางซีกโลกเหนือ
ก็เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในประเทศทางซีกโลกใต้
เป็นช่วงเวลาที่นกจะเริ่มผสมพันธุ์กัน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม
เรื่อยไปจนถึงเดือน เมษายน สำหรับบ้านเราฤดูหนาวอากาศไม่หนาวเย็นมากนัก
ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ จะมีก็แถวช่วงเดือนมีนา – เมษา
ซึ่งอากาศค่อนข้างจะร้อน
6.เมื่อนกตัวเมียเข้าสู่สภาพที่พร้อมที่
จะผสมพันธุ์และวางไข่ จะสังเกตุได้จากสีของจงอยปากที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
จากสีขาวนวลๆไปเป็นสีออกน้ำตาลเทาๆ
7.หากมีนกมากกว่าหนึ่งคู่
การปล่อยให้นกจับคู่หรือเลือกคู่กันเองจะมีผลดีต่อการเพาะเลี้ยงมากกว่าทำ
ได้โดยใส่ห่วงขาหรือทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวนก แล้วปล่อยนกตัวเมียหนึ่งตัวและตัวผู้
3 – 4 ตัวเข้าไปในกรง
นกตัวเมียจะยอมให้นกตัวผู้ที่เลือกแล้วเพียงตัวเดียวให้เข้าใกล้เพื่อกระโดด
ขึ้นๆลงๆและร้องเพลงเพื่อเกี้ยวพาราสีกัน และจะจิกหรือบินหนีจากตัวผู้อื่นๆ
การจับคู่หรือเลือกคู่นี้อาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งวันไปจนถึงประมาณสิบวัน
จากนั้นให้แยกนกตัวผู้ตัวอื่นๆออกไปเพื่อให้นกตัวเมียตัวอื่นได้เลือกต่อไป
การผสมพันธุ์
นก เจ็ดสีสามารถที่จะผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่
อายุ 8 เดือน
แต่การให้ผลผลิตอาจไม่สำเร็จเท่าที่ควรเพราะยังเป็นนกหนุ่มสาว
ไข่อาจมีเชื้อไม่ครบทุกฟอง จำนวนไข่ต่อครอกไม่มาก การกกไข่ไม่สม่ำเสมอ
แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายพร้อมมากกว่านี้ การให้ผลผลิตก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ก็ไม่แน่นอนบางคู่อาจให้ผลผลิตดีตั้งแต่หนุ่มสาวก็ได้
นกที่โตพร้อมผสมสังเกตุได้ว่าขนจะมันเงา สีสันสดใส ปลายปากจะมีสีเข้ม
การ
เข้าคู่หากทั้งคู่ไม่เข้ากันเมื่อนำนกทั้งคู่แยกเข้ากรงผสม
จะสังเกตุได้ว่านกทั้งคู่จะจิกกัน ไม่ยืนใกล้กัน จะเกาะคอนคนละมุมเลยก็ว่าได้
ส่วนนกที่เข้ากันนั้นตัวผู้จะโก่งคอร้องจีบ กระโดดไปมา ข้างๆตัวเมีย
ถ้าตัวเมียยอมรับก็จะยืนเชิดอกให้ ไม่จิกไล่ตัวผู้
จากนั้นทั้งคู่จะเริ่มสนใจกล่องไข่ จะมีอาการชะโงกหัวมองทางเข้ากล่องไข่มากขึ้น
จากนั้นตัวผู้จะเริ่มเข้าไปจัดรังเพื่อเตรียมให้ตัวเมียวางไข่
เมื่อ
เราสังเกตว่าตัวผู้เริ่มหายเข้ารังเป็นเวลานานขอให้สันนิษฐานได้เลยว่าตัว
เมียเริ่มวางไข่แล้ว แต่ระยะช่วงแรกนี้การกกไข่จะกกเฉพาะช่วงเช้า
พอถึงช่วงเย็นอาทิตย์ตกดิน นกจะออกจากกล่องไข่ ไปจนกว่านกตัวเมียจะวางไข่จนหมด
เมื่อนั้นนกถึงจะกกไข่ ทั้งวัน ทั้งคืน ในการวางไข่แต่ละครอกนั้น
ตัวเมียจะวางไข่ประมาณ 4 – 8 ใบ ต่อครอก แต่ส่วนใหญ่จะเห็น 6 ใบซะส่วนมากและการวางไข่จะวางทุกวันวันละใบจนครบ
สำหรับระยะเวลาในการกกไข่ให้นับตั้งแต่ นกเริ่มกกไข่ ทั้งกลางวัน และกลางคืน
ไปประมาณ 14 – 15 วัน นกก็จะเริ่มฟักเป็นตัวการฟักเป็นตัวก็จะฟักเป็นชุดๆ
อาจจะฟักวันละตัวบ้าง วันละ2 ตัวบ้าง ( ลูกนกแรกเกิดนั้นจะมีตุ่มเรืองแสงติดอยู่ที่บริเวณมุมปาก
เนื่องจากธรรมชาตินกเจ็ดสีจะทำรังในโพรงมืด ปุ่มเรืองแสงนี้เองจะช่วยให้พ่อแม่นก
สามารถนำอาหารมาป้อนให้ลูกนกได้ถูก ซึ่งเมื่อนกอายุได้ประมาณ 60 วัน ปุ่มนี้ก็จะหายไปเอง
)หลังจากลูกนกฟักเป็นตัว พ่อแม่ จะนำอาหารไปเลี้ยงลูกจนโต ประมาณ 20 – 25 วัน ลูกนกก็จะลงรัง
แต่ยังไม่ควรแยกลูกนกออกจากกรง ควรจะให้พ่อแม่นก ป้อนอาหาร
ต่อไปจนเห็นว่าลูกนกสามารถกินเองได้ เลิกขออาหารจากพ่อแม่แล้ว จึงแยกลูกนกออก
อาหารนกฟินซ์ 7 สี
อาหาร ของนกเจ็ดสี
ส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดพืชขนาดเล็กมีหลายชนิด เช่น มิลเล็ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่างแดง – ดำ เป็นต้น
อาหารที่ชอบมากของฟินช์เจ็ดสีก็คือ มิลเล็ตสเปรย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นช่อยาว
ผู้เลี้ยงควรนำไปแขวนไว้ภายในกรง เพื่อให้นกได้แทะกินอยู่เสมอ
อัตราส่วนของอาหารที่จะผสมให้กับนกกินควรประกอบไปด้วย มิลเล็ต ข้าวไรน์
ข้าวฟ่างแดง ดำ ไนเจอร์(ให้โปรตีน) ผสมในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 : 0.50
นอก จากอาหารหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
อาหารเสริมก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนกเจ็ดสี
เพราะนกที่เราเลี้ยงไม่สามารถหากินเองได้เหมือนนกที่อยู่ตามธรรมชาติ เช่น
กระดองปลาหมึก เปลือกไข่ ดินดำ อาหารไข่ ข้าวโพดปาดผิว ผักกาดหอม เป็นต้น น้ำดื่ม ควรเปลี่ยนให้นกทุกวัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)